วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560

China ( Beijing 1 )





China Beijing 1 )








                            หนี่ห่าว หลังจากห่างหายไปนาน ไม่ได้ลงทริปเที่ยวให้ได้ชมกัน ( พูดเหมือนคนดูเยอะเนอะ  ) ครั้งนี้ก็จะขอพาทุกท่าน ไปเที่ยวแดนมังกร เมืองขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และวัฒนธรรมอันโดดเด่นของโลก นั้นก็คือ Beijing หรือ เมืองปักกิ่ง นั้นเอง  

      ***ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีบริษัทที่กุทำงานอยู่ ) สำหรับทริปนี้  ที่เป็นสปอนเซอร์ให้  โดยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ( ขอย้ำ ว่าทั้งหมด  ) ในการเที่ยวครั้งนี้  ^^


ーรีวิวตามแบบฉบับของกุ ดูเพื่อความบันเทิงー

  อัตราแลกเปลี่ยน


20.00 THB  =    4.00 CNY
  1.00 CNY  =    4.92 THB



หยวน จีน



แบ็กแพ็ค พร้อม!!!


                        6 มิ.ย. 2560 เวลา 06 : 25 น. เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ลงสนามบินฉางซา แล้วต่อเที่ยวบิน มาลงที่สนามบินปักกิ่ง Terminal 1  เวลา 16 : 25 น.  ( เวลาในปักกิ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ) ทริปในครั้งนี้ต้องทำการบ้านเป็นอย่างดี กลัวโดนหลอก  ของดีเมืองนี้ซะด้วย 555





ต้องเขียนภาษาจีนไว้บ้าง เวลาถามทาง เขาจะได้รู้เรื่อง



Take off  โลดดดดด




ด่านตม. ที่สนามบินฉางซา   เงียบเกิ๊น

                 ตอนตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินฉางซา เล่นเอาเหงื่อยเกือบแตก ถามเยอะชิบหาย ขนาดทำวีซ่ามาแล้ว ที่อื่นไม่มีทำวีซ่า ยังไม่ถามเชี้ยไรสักคำ  ดีนะกุทำเอกสารเที่ยวไว้ทุกครั้ง มีทั้งโรงแรม สายรถไฟ สถานที่ท่ี่จะไป พอมันเห็นเท่านั้นแหละ ปั้มตราผ่านเลย โล่งงงงง



ภายนอกอาคารสนามบินฉางซา  อากาศเย็นกำลังดี

                รอแวะต่อเครื่อง เลยเดินออกมาสูดอากาศ รับลมเย็นภายนอก ให้ร่างกายชินกับอากาศสักหน่อย   พอรับลมเป็นที่พอใจแล้ว ก็รีบไปเช็คอิน รอต่อเครื่องในเกตเวย์ก่อนเวลา ( กลัวตกเครื่องเหมือนทริปสิงคโปร์อีก  ฝังใจมากทริปนั้น )





                     เมื่อมาถึงปักกิ่ง ฟ้าก็เกือบมืดแล้ว ( หน้าหนาวมืดไวชิบ ) เลยรีบเดินทางต่อไปโรงแรม เพราะถ้ามืดแล้วมันจะมองหาที่พักลำบาก  เดินตามคนอื่น ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับที่ซื้อตั๋ว ตอนแรกซื้อตั๋วที่ตู้ แม่ง มีแต่ภาษาจีน เลยกดมั่วๆ พอใส่แบงค์ ร้อยหยวน ตู้เสือกไม่รับ กุก็งงสิ กดไรผิดว่ะ จนคนจีนมาบอกมา ตู้มันไม่มีทอนแบงค์ร้อย ( อายเลย ก็กุไม่รู้นิ ) เลยต้องไปซื้อตั๋วกับพนักงานที่เคาเตอร์ ราคาเหมาเที่ยว 25 ¥ แต่มันจะมีบัตรอีกประเภทนึง ที่สามารถใช้ได้ทุกอย่าง แต่อาจจะซื้อ-คืนยุ่งยากนิดหน่อย ลองไปหาดูในเว็บเอานะ





หน้าตาบัตรรถไฟโดยสาร








                  พอถึงตอนเปลี่ยนสายก็ไม่อยากนัก  ถ้าเราต้องการใช้สายไหน ก็ให้เดินไปตามป้ายบอกสายรถไฟได้เลย ( ซื้อบัตรโดยสารรอบเดียวได้เลย เพราะมันเชื่อมกันหมด ) อย่ามัวมองแต่ข้างบนนะ บางทีป้ายบอกทางก็มีบอกข้างล่างด้วย   ราคารถไฟที่นี่ก็ไม่แพงนะ  3-4 ¥  ไปได้หลายป้ายเลย  อากาศตอนนี้หนาวมากกกก 1-5 องศา โดยประมาณ )





spring time hostel


                    ถึงแล้วโรงแรมที่จะพัก  โรงแรมนี้สะดวกมาก มีร้านอาหาร สถานี ห้าง อื่นๆ อยู่ใกล้ๆ  พอขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินก็เจอเลย หาไม่อยาก (แต่วันแรก กุหาอยากหน่อย ออกทางออก มาผิด ) ก็ทำการเช็คอิน แล้วชำระค่าที่พัก  4 คืน ราคา 716¥  





จากทางออกรถไฟ เดินไปที่พัก ไม่กี่ก้าวเอง




ห้องที่พัก มาเที่ยวคนเดียวจริงๆนะ แต่มีสองเตียง ๕๕๕  งง



ใกล้โรงแรม มีห้างย่อมๆ คล้าย Big C บ้านเรา


                    พอรุ่งเช้า ก็รีบอาบน้ำ แต่งตัว ไปชมกำแพงเมืองจีน เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่เอาการ  ในปักกิ่งมีกำแพงหลายด่านมาก  ซึ่งส่วนมากคนนิยมไปด่านปาต้าหลิงกัน อาจจะเพราะเดินทางสะดวกแต่คนก็จะเยอะตาม ( เวลาถ่ายรูปอาจจะไม่เวิร์ค เพราะมีคนติดมาเยอะ ) กุเลยสวนกระแส ไปด่านมู่เที่ยนอวี่ที่สวยไม่แพ้กัน  แต่การเดินทางอาจจะซับซ้อนสักหน่อย   จากที่พัก อยู่ตรงสถานี Dongsi แล้วไปต่อรถเมล์ที่ สถานี Dongzhimen ให้ออกทางออก B



                  

                   พอโผล่ออกมาแล้ว ก็จะเห็นตึกหน้าตาประมาณนี้   ให้เดินเข้าไปทางซ้ายมือตามตัวอักษรชี้ จะมีป้ายสายรถเมล์ หลายสาย ให้เราเดินไปช่องที่เขียนว่า  916  ราคา 12¥   ( อย่าลืมพกน้ำขวด กับขนมปัง ไปด้วยนะ  เหมือนที่นั้นจะไม่มีขาย  )  




เดินเข้าไปเลย



ทางเข้าสาย 916



ให้ลงป้ายตัวเลขที่ 5 ที่วงกลมสีเหลือง แต่ป้ายแรกจะจอดตัวที่ 61 ก่อน แล้วไล่ลงมาเลขน้อย




ไม่ต้องกลัวหลง มันมีป้ายบอกว่าถึงไหนแล้ว
 


สัส นึกว่าเอาผ้านวม ออกมาแว๊น




               หลังจากที่เราลงตามป้ายแล้ว เราจะอยู่ที่วงกลมสีเหลือง หมายเลข 1 พอตอนลงจากรถเมล์จะมีพวกโชเฟอร์ (เยอะมาก กุกลัว ) มาชักชวนให้นั่งรถแท็กซี่มันไป แต่ขอบอกว่าอย่าไปสนใจ ให้เราเดินมาที่วงกลมสีเหลือง หมายเลข 2   เพื่อมารอรถเมล์ สาย H 23 ไปด้านมู่เที่ยนอวี่   ( กว่ากุจะเจอป้ายรถเมล์ตรงหมายเลข 2 เดินวนไปมานานมาก ซึ่งกุไม่มีข้อมูลแน่นขนาดนี้ไง เล่นเอากุหลงเป็นชั่วโมง  เยี่บวก็เสือกปวดอีก หนาวก็หนาว เดินหาจนปวดตีน  ถามคนข้างทางก็ไม่มีใครคุยด้วยอีก  สัส    แนะนำ ถ้าให้ดีถามพวกพนักงานกวาดถนน เขาใจดีมาก อธิบายกุเป็นภาษาจีนล้วนๆ  กุเลยพยักหน้า อ๋อๆ ไป ) 



หน้าตารถเมล์ สาย H 23
ราคา 4 ¥



หนาวจนน้ำตกแข็ง



ถ้าเห็นสะพานแบบนี้เมื่อไหร่ ให้ลงได้เลย
     พอถึงปากทางไปด่านมู่เที่ยนอวี่ ให้เราเดินตรงไปตามทางแล้วเลี้ยวขวา 



เจอแยก ให้เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ




จะเห็นห้องน้ำ และป้ายรถรับ-ส่ง ไปกำแพง 




ป้อมขายตั๋วรถรับ-ส่ง ไปหน้าด่านมู่เที่ยนอวี้   



ตั๋วรถรับ-ส่งไปหน้าด่าน ราคา 
15 ¥



ถึงแล้ว กำแพงเมืองจีนด่านมู่เที่ยนอวี้




ตั๋วเข้าชมกำแพงเมืองจีน



แผนที่ป้อมต่างๆ (กากหน่อย กุวาดเอง )


                  แนะนำสำหรับคนที่ยังเรียนอยู่ ให้พกบัตรนักศึกษาไปด้วย เพราะจะได้ส่วนลดค่าเข้าชม น่าจะครึ่งนึง เกือบทุกที่   ( ดีนะกุอ่านรีวิวคนอื่นมา เลยพกติดตัวมาลองดู ปรากฏว่า ได้ลดจริงๆด้วย เจ๋งว่ะ )  ประหยัดตังไป  ซึ่งคนปกติคิด   50¥  พอใช้บัตรนักศึกษา เหลือ 25 ¥  เอง ส่วนใครที่ไม่อยากเดินขึ้นกำแพง ให้ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า หรือรถสไลด์ ไปด้วย แต่ราคาอาจจะแพงหน่อย กุเสียดายตังไง เลยเดินขึ้นดีกว่า  แต่แม่ง คิดผิดมากกกก กว่าจะถึงเล่นเอาขากุสั่น ลมก็แรง หนาวก็หนาว น้ำหูน้ำตาน้ำมูก ออกมาหมด ไข่กุนิหดหายไปเลย ) เดินขึ้นไปป้อมที่ 6 ถึงป้อมที่ 12 ก็หมดแรงไปต่อละ หนาวเกินบรรยาย ลืมเอาถุงมือไปอีก มือแข็งจับเชี้ยไรไม่ได้เลย  อุตสาเตรียมไว้จากไทย เซงตัวเอง )



หนาวจนอยากทำแบบนี้ เดินขึ้นไป



ถึงแล้ว ป้อมที่ 6  วิวข้างบนสวยดีว่ะ



เย้!!!






ด้านใน ตัวป้อม









เอ้า!!! ยาวไปยาวไป





ปืนใหญ่ก็มีเว้ย



หน้านิยิ้มให้กล้องไม่ได้เลย ตึงสัส อย่างกับไปโบถอก
มา (ท็อก แบบนี้ ) 



มีบอร์ด สำหรับพวกมือบอน ชอบขีดเขียนด้วย



ยาวไปอีกกกกกกกก




เกาหลี ไหมละ?




พอๆ กลับ ไม่ไหวละ หนาวววว




เสือภูเขา ใครว่าดุ เชื่องจะตาย

                            ร่างกายเริ่มทนไม่ได้กับความหนาว เลยขอกลับเลยดีกว่า ขาลงนึกว่าชิลๆ แต่ขากุนิ สั่นกว่าขาขึ้นอีก ตายๆๆๆ  วันต่อไปกุจะเที่ยวไหวไหมเนี้ย ระบมตีนไปหมด ( รถเมล์สาย H 23 ทำพิษ ให้กุเดินหาตั้งนาน ) พอลงมาถึงข้างล่างแล้ว ก็แวะซื้อของที่ระทึก สักหน่อย  ( เคยอ่านรีวิวว่าแม่ค้าจีนปากจัดมาก  ถ้าไม่เอาอย่าไปต่อ กุเลยจำเอาไว้ ) เดินดูของสักพัก ก็เตะตากับหมวกทหารจีน รู้สึกอยากได้ เลยลองถามราคาดู  สัส แพงเกิ๊น  แต่ใจคิดว่าจะเอาแน่เลยต่อราคาไป  
กุ : ลดอีกได้ไหม ตอนแรกมันขาย หกร้อย หยวนมั้ง   อีเจ๊บอกลดเหลือสามร้อย      แต่ยังแพงไปสำหรับกุ  เลยบอกไม่เอา แล้วเดินออกไป     อีเจ๊นิรั้งกุไว้เลย  บอกให้เท่าไหร่ เขียนสิๆ ( กุก็คำนวณเลย เคยอ่านรีวิวคนอื่น (อีกแล้ว )  เขาบอกว่าเวลาจะซื้อของที่จีน ให้ลบจากราคาเดิม 70-80% )  กุก็เขียนไป หกสิบ หยวน   มันก็ร้องโฮฮฮฮเลย  ฮ่าาา   แล้วมันเขียนให้กุได้ แปดสิบ หยวน   ซึ่งยังแพงอยู่ เลยส่ายหัวแล้วเดินออกไป  อีเจ๊เลยบอก ได้ๆ    ก็เลยลองขอใส่ดู พอส่องกระจกเท่านั้นแหละ  ห่าาา  อย่างกับจิ๊งเหลนไฟ ไม่เข้ากับหน้ากุเลยยย  คิดในใจทำไงดีว่ะดิลกันเรียบร้อยแล้วด้วย  กุเลยแกล้งดูของอย่างอื่นไป มันก็แนะนำกุใหญ่เลย โน่นก็ดี ไอ้นั้นก็สวย  สัส ดูตังกุด้วย     ในใจนิ ชิบหายและจะเอาอะไรดีวะ ไม่ถูกใจสักอย่าง  พักสักเหลือบไปเห็นถุงมือที่มันใส่  เออใช่...ซื้อใส่เที่ยวต่อพรุ่งนี้ได้นิ เลยชี้ไปที่ถุงมือมัน บอกจะเอาแบบนี้ มันนิรีบวิ่งหน้าตั้งไปหยิบมาให้เลย คงคิดในใจ กุได้แล้วหลายหยวน  พอต่อราคากัน ได้มา สิบห้า หยวน แต่ก็ช่างดีกว่าไม่ได้ซื้ออะไรเลย กลัวมันด่า  พอกุตกลงเอาถุงมืออย่างเดียว มันนิร้อง หือออออเลย  แล้วหมวกละ ยูต่อราคาแล้วนิ ว่าจะเอาราคานี้ กุบอกไม่เอาอ่ะ มันไม่สวย ไม่ชอบ    มันบอกไม่ได้ต้องเอาต่อแล้ว  คะยั้นคะยอให้กุเอาให้ได้    กุเลยวางถุงมือจะไม่เอาแล้วเดินออก อีเจ๊เลยยอมกุ  กำขี้ดีกว่ากำตดว่ะมันคงคิด  ทีนี้แหละแม่งด่ากุ ชุดใหญ่ไฟกระพริบเลย 555 ( ไม่สน ไม่แคร์ เพราะกุฟังไม่รู้เรื่อง  )





หมวกทหารจีน ที่ว่าจะซื้อ



ถุงมือที่ซื้อ ร้านอีเจ๊ ปากจัด


      
                  พอเดินออกมาจากร้านอีเจ๊ได้แล้ว  คนใหม่ก็ปี่เข้ามาหากุทันทีเลยจร้า  เฮ้ออออ อะไรวะเนี้ยยย  แต่คราวนี้เป็นแท็กซี่เหมากลับเข้าเมือง  ป้าแกถามใส่โทรศัพท์แล้วแปลอิ้งให้กุอ่าน ว่าจะไปแท็กซี่ไหมเข้าเมือง 100 ¥  กุนิส่ายหัวทันที แพง  มันเลยถามจะให้เท่าไหร ( กุละเกลียดจังเลย ให้กุเสนอราคาก่อนเนี้ย )  ก็เลยใช้หลักการ การคำนวณเหมือนเดิม บอกไป 20 ¥   
ป้า : มันไกลนะ ห้าสิบกว่ากิโลแหละ         ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กลับรถเมล์เหมือนเดิมก็ได้   ป้าแกเลยขอเสนอมาอีก ขอสัก ห้าสิบหยวนได้ไหม  กุส่ายหน้าไม่เอา ป้าแกเลยพูดใส่มือถือมาให้อ่าน ประมาณว่างั้นรออีกคนได้ไหม  กุก็โอเค รอ  ( ตอนนั้นหนาวมาก  จนตัวนิสั่นไปหมด เสื้อผ้าเอาไม่อยู่แล้ว )  ทีนี่โชเฟอร์มันโวยวายอะไรไม่รู้กับป้า คงจะประมาณถูกเกิน ไม่ไปส่งหรอก แล้วลุงแกก็มาบอกว่า ไม่ไปหรอก   กุก็อ้าว.. อย่างไงนิ เลยเดินจะไปขึ้นรถเมล์   ป้าแกก็ทั้งเรียก ทั้งวิ่งมาหา บอกรอก่อนๆ ( กุหนาวววว ป้า อย่างไง ไปตกลงกันให้ดีก่อน )  พอนั่งรอสักพัก  ที่นี้ลุงแกก็โอเค ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ในเมือง ที่ตกลงกันกับป้าไว้ คงสงสารกุมั้ง เห็นสั่นๆ 555




แท็กซี่เถื่อน  555


     

ข้างในรถค่อยอุ่นหน่อย  ลุงแกก็ดีนะ ชวนคุย แต่กุนิไม่มีอารมณ์อะไรทั้งนั้น ทั้งเหนื่อย เพลีย หนาว อยากกลับห้องแล้ว กลับไปแช่ตีนในน้ำร้อน




มือกุนิ อย่างกับคุณยายวรนาฏ
 ทั้งแตก ทั้งขาว




                      ไกลพอสมควร จนมาถึงป้ายรถเมล์ 916快     เลยจ่ายตังค่าแท็กซี่ไป 20¥ แล้วก็ไม่ลืมที่จะ ขอบคุณลุงแกไปว่า เซี้ยเซีย  ( กุไม่ได้ด่าลุงแกนะเว้ย แต่มันเป็นภาษาจีนแปลว่าขอบคุณ  ต้องเตรียมตัวมาดีหน่อย ไปเที่ยวบ้านเขา เราก็ต้องจำภาษาบ้านเขาสักหน่อย  1-10 ก็ด้วย ได้ใช้แน่ๆ )  หลังจากนั้นให้เราขึ้นรถเมล์ สาย 916快 เหมือนขามา ราคาขากลับ 11 ไปลงที่ป้าย 太陽宮橋 เพื่อมาต่อรถไฟใต้ดิน สถานี Guangximen กลับห้อง

  



ร้านประมาณ KFC แต่เป็นข้าวแบบจีน   งงป่ะ


                    หลังจากมาถึงที่พัก ก็แวะหาอะไรกินก่อน เดินเข้าร้านไปสั่งแบบเก๊ๆ กังๆ พนักงานก็ทำหน้า งงๆ ใส่กุอีก กว่าจะสั่งกันรู้เรื่อง...   กุสั่งอะไรไม่รู้ ชามละ 18 ¥ หน้าตาไม่ค่อยอร่อย แต่อร่อย หรือว่ากุหิวว่ะ  พอกินเสร็จแล้วก็ไปหาซื้อขนม ซื้อน้ำ ที่ห้างมาไว้ในห้องสักหน่อย ของที่จีนราคาพอๆกับบ้านเรา    ถ้าเงินเดือนของคนจีนเฉลี่ยแล้วได้มากกว่าบ้านเรา ถือว่าค่าครองชีพบ้านเขาถูกนะ



มื้อเย็น วันแรก

               

กลับมาทำแผลนเที่ยว เตรียมไว้วันต่อไป










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น