วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Thailand ( Lopburi )


Thailand Lopburi )



     

            

             สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับผู้ที่ติดตามอ่านทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าครับ และขอขอบคุณผู้ที่ติดตามกันมาโดยตลอด สำหรับทริปนี้ก็จะขอพาทุกท่านไปเที่ยวในประเทศบ้างเนอะ เป็นบ้านเกิดของผมเอง นั้นก็คือ จังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ ความเป็นมาอันยาวนาน ไม่อยากพูดมากให้เสียเวลาแล้วกัน ไปชมกันเลย...


          10 ส.ค. 59 เป็นช่วงวันแม่ เลยขอตัวลางานกลับบ้านไปหาแม่สักหน่อย ดังนั้นจึงอยากแวะพาทุกท่าน ไปเที่ยวสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรีกันครับ 



     แบ่งหัวข้อตามสีต่างๆ

กรอบสีแดง คือ ที่ท่องเที่ยว

กรอบสีน้ำเงิน คือ ย่านของกิน

กรอบสีเหลือง คือ จุดรถโดยสาร

     สถานที่สำคัญๆ ที่จะพาเที่ยว มีดังนี้

           1.   ศาลพระกาฬ
           2.   พระปรางค์สามยอด
           3.   วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
           4.   พระนารายณ์ราชนิเวศน์
           5.   เทวสถานปรางค์แขก
           6.   บ้านหลวงวิชาเย็นทร์
           7.   ศาลลูกศร




รถโดยสาร กรุงเทพ - ลพบุรี มี 3 ที่ ดังนี้



รถตู้ หน้าศาลพระกาฬ


รถตู้ KO อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ


สถานีรถไฟ ลพบุรี









                 วิธีการเดินทางมีให้เลือก 3 อย่าง มีรถตู้ รถบัส และรถไฟ (ขอแนะนำ ว่านั่งรถตู้จะสะดวกและเร็วกว่า ที่สำคัญคือ จุดจอดรถ อยู่ในตัวเมืองเลยครับ ไม่ต้องต่อรถให้เสียเวลา ) นี่เลือกนั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ ตอนเช้า วันที่ 10 ส.ค. 59 ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตัวเมืองลพบุรี สนนราคาค่าโดยสารที่ 120 ฿  พอถึงจังหวัดลพบุรี ก็ไม่ต้องไปต่อรถที่ไหนอีก เดินเที่ยวได้เลยครับ หรือใครที่ชอบนั่งชิลกินลม ขอแนะนำ ให้ท่านนั่งรถไฟจากที่ต่างๆมาได้เลยครับ ชานชาลารถไฟอยู่ในตัวเมืองเหมือนกันครับ ( แต่ราคาค่าตั๋วนี่ไม่ทราบเหมือนกันนะคับ ไม่ได้นั่งมานานแล้ว เคยนั่งสมัยตอนเด็กๆ ) 



ประวัติความเป็นมา

             ลพบุรีเป็นเมืองสำคัญเก่าแก่เมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เคยอยู่ใต้อำนาจมอญและขอม จนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นในดินแดนแถบนี้ ในรัชสมัยของ พระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ลพบุรีมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง กล่าวคือ พระเจ้าอู่ทองได้โปรดให้ พระราเมศวร ราชโอรสองค์ใหญ่เสด็จมาครองเมืองลพบุรีเมื่อ พ.ศ. 1893 พระราเมศวรโปรดให้สร้างป้อม ขุดคู และสร้างกำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคตใน พ.ศ. 1912 พระราเมศวรต้องถวาย ราชบัลลังก์ ให้แก่พระปิตุลาของพระองค์ ซึ่งได้ขึ้นครองราชย์ พระนามว่าพระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระราเมศวรยังคงครอง เมืองลพบุรีสืบต่อไปจนถึง พ.ศ. 1931 เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สวรรคต พระราเมศวรจึงเสด็จขึ้นครอง ราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง หลังจากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป จนกระทั่งมาถึงรัชสมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของ ชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทยทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็น ว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจาก การปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงคราม จึงได้ทรงสร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมี ลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างเมืองลพบุรีขึ้นใหม่นั้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความ ช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียน และได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง หลังจากนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ สิ้นรัชกาลสมเด็จ พระนารายณ์ มหาราชแล้ว ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จพระเพทราชาได้ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลต่อๆ มาก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีกจนกระทั่งถึงสมัยของ รัชกาลที่ 4 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2406 โปรดให้บูรณะเมืองลพบุรีทั้งหมดซ่อม กำแพง ป้อม และประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้าง พระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับ และพระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" ลพบุรีจึง แปรสภาพเป็นเมืองสำคัญอีกวาระหนึ่ง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้ง หนึ่ง ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่ให้เป็นเมืองทหารอยู่ทางด้าน ทิศตะวันออก ของทางรถไฟ แยกจากตัวเมืองเดิม มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ของทางรถไฟ เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่ง

ศาลพระกาฬ

                  ศาลพระกาฬ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟด้านทิศตะวันออก เดิมเรียกว่า "ศาลสูง" เป็นเทวสถานเก่าของขอมสร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง มีลักษณะเป็นปรางค์เดี่ยวขนาดใหญ่ ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่นด้านหน้า มีบันไดขึ้นลง 4 ด้าน เรือนธาตุหรือองค์ปรางค์พังหมดแล้ว อายุประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 16 มีทับหลังสลักรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ทำด้วยศิลาทราย 1 แผ่นอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน และยังพบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณด้วยด้านหน้าเป็นศาลาที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2494 โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระรูปประติมากรรมลอยตัว 4 กร ไม่มีเศียร อาจจะเป็นเทวรูปพระนารายณ์ศิลปะแบบลพบุรี หรือรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ภายหลังมีผู้นำเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยกรุงศรีอยุธยามาสวมต่อไว้ ให้เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้แล้ว ที่ศาลพระกาฬยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ ฝูงลิงซึ่งมีอยู่มากกว่า 300 ตัว กล่าวกันว่าเดิมบริเวณโดยรอบศาลพระกาฬร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นกร่างขนาดใหญ่ มีลิงอาศัยอยู่ เมื่อมีคนนำอาหารและผลไม้มาแก้บนที่ศาลพระกาฬ ลิงป่าเหล่านั้นได้เข้ามากินอาหาร จึงเชื่องและคุ้นเคยกับคนมากขึ้น





พระปรางค์สามยอด
                 พระปรางค์สามยอด   ตั้งอยู่บนเนินดินด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟใกล้กับศาลพระกาฬ ลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมต่อกัน ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 21.5 เมตร เป็นศิลปะเขมรแบบบายน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ก่อด้วยศิลาแลงและตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงามพระปรางค์สามยอดนี้เดิมคงเป็นเทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฎอยู่ในองค์ปรางค์ทั้ง 3 องค์ จนกระทั่งถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา แล้วสร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรปในส่วนของประตูและหน้าต่าง ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น 





ค่าเข้าชม 10 บาท
                  หลังจากซื้อตั๋วแล้ว คนขายเขาจะให้ไม้เอาไว้กันลิง 1 อัน เนื่องจากลิงที่นี้ดื้อมาก ชอบแย่งของจากนักท่องเที่ยว จึงจำเป็นจะต้องพกเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยครับ







ลูกลิงน่ารักเนอะ



เฮ้ย!!!  ขึ้นมาทำไมบนบ่ากุวะ



วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
                  วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ   ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด  ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์สืบมาหลายยุคหลายสมัย  ศิลปกรรมที่ปรากฏจึงมีความแตกต่างกันมาก เมื่อเข้าไปในวัดจะพบศาลาเปลื้องเครื่องเป็นอันดับแรกศาลาเปลื้องเครื่องนี้ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลี่ยนเครื่องทรงก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหารหรือพระอุโบสถ ถัดจากศาลาเปลื้องเครื่องเป็นวิหารหลวง สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทางทิศใต้ของวิหารหลวงเป็นพระอุโบสถขนาดย่อม ประตูหน้าต่างเป็นศิลปะแบบฝรั่งเศสทั้งหมด ห่างไปทางทิศตะวันตกของวิหารหลวง เป็นพระปรางค์ประธานองค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงโบกปูน    มีเครื่องประดับลวดลายเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติ อายุประมาณ      พ.ศ.1800  ต่อมาได้รับการซ่อมแซมในสมัยสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ลวดลายจึงมีปะปนกันหลายสมัย ปรางค์องค์นี้เดิมบรรจุพระพุทธรูปไว้จำนวนมาก ที่มีชื่อเสียง คือ  พระเครื่องสมัยลพบุรี  เช่น พระหูยาน พระร่วง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ



ค่าเข้าชม 10 บาท








                     












ร้านของเล่น ตอนเด็กๆชอบมาซื้อที่นี่





ร้านประจำ บางครั้งรอคิวนานมากกก


ข้าวเหนียวที่นี่อร่อยครับ ขายดีด้วย




พระนารายณ์ราชนิเวศน์
                  พระนารายณ์ราชนิเวศน์  เป็นพระราชวังซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2209เพื่อใช้ประทับ ณ เมืองลพบุรี แบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน กำแพงพระราชวังก่อด้วยอิฐถือปูน  มีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง มีซุ้มประตูทั้งหมด 11 ซุ้ม ช่องประตูเข้าโค้งแหลม หลังคาประตูเป็นทรงจตุรมุข ตรงจั่วซุ้มประตูตกแต่งลายกระจังปูนปั้นที่วิวัฒนาการมาจากดอกบัว ที่ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลาง และชั้นในมี ช่องเล็กๆ เจาะเป็นรูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถว สำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2399 เพื่อให้เป็นราชธานีชั้นใน และพระราชธานีชั้นใน และพระราชทานชื่อว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มอาคารสิ่งก่อสร้างภายในพระราชวัง ฯ



ค่าเข้าชม 30 บาท
















ตะเลง ตะเลงๆ เหมือนจะตีเป็นนะ


ยายๆ ขนมถ้วยอันครับ




แอ๊บคือเนาะ 555














บรรยากาศ ภายในตัวเมืองลพบุรี



บ้านหลวงวิชาเย็นทร์
                      บ้านหลวงรับราชทูตหรือบ้านวิชาเยนทร์   ตั้งอยู่บนถนนวิชาเยนทร์ สำหรับเป็นที่รับรองราชทูตที่มาเฝ้าฯ สมเด็จ   พระนารายณ์มหาราช ที่เมืองลพบุรี คณะราชทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี พ.ศ.2228 ได้พำนัก ณ ที่แห่งนี้   ต่อมาเมื่อชาวกรีกที่มีชื่อ Constantine Phaulkon ได้เข้ามารับราชการและได้รับความดีความชอบ ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นถึง "เจ้าพระยาวิชาเยนทร์"และได้พระราชทานที่พักอาศัยให้ทางทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูตภายในบริเวณบ้านหลวงรับราชทูต มีอาณาเขตกว้างขวาง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ด้านทิศตะวันตก เป็นที่พักอาศัยของคณะทูต ตอนกลางเป็นหอระฆังและโบสถ์คริสต์ ซึ่งอยู่ทางด้านหลัง ซุ้มประตูทางเข้าเป็น    รูปจั่ว ด้านทิศตะวันออกมีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม และมีซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปครึ่งวงกลม ด้านหลังเป็นถังเก็บน้ำ และด้านหน้าเป็นสนามหญ้าลักษณะของสถาปัตยกรรมบ้านหลวงรับราชทูตบางหลังเป็นยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก  ก่อด้วยอิฐถือปูน 2 ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองส์  RENAISSANCE  ซึ่งแพร่หลายในสมัยนั้น และที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป  มีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ศิลปะแบบไทย  โบสถ์หลังนี้ถือกันว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนาหลังแรกในโลกที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์พุทธศาสนา บ้านวิชาเยนทร์


ค่าเข้าชม 10 บาท








 
ศาลลูกศร
               ตำนานรามเกียรติ์ เล่ากันว่าพระรามแผลงศร หนุมานเอาหางกวาดดินเป็นกำแพงเมือง แล้วพระวิษณุกรรมสร้างเมืองลพบุรี ศรพระรามนั้นได้กลายเป็นหิน 




                 หลังจากนานๆได้กลับบ้านที แถมใกล้วันแม่แล้ว เลยซื้อพวงมาลัย กับของเล็กๆน้อยๆไปไหว้แม่สักหน่อย    นอนเล่นอยู่บ้านสัก 2 วัน แล้วก็ทางกลับกรุงเทพมาทำงานต่อ ในวันที่ 12 ส.ค. 59





                              สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
                        
                              ค่ารถ                     240 ฿                       
                              ค่ากิน                      80 ฿                       
                              ค่าเข้าชม                60 ฿
                                              

                                               ยอดรวม  380 ฿           




ข้อมูลอ้างอิง

http://paiduaykan.com/province/central/lopburi/lopburi.html
http://travel.sanook.com/1390772/
http://lopburi.mots.go.th/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=2





    ต้องลองเที่ยวคนเดียวดู...แล้วคุณจะติดใจ



มีอะไรสงสัย อยากจะถาม หรือคอมเม้นท์มาได้เลยนะคับ จะตอบกลับให้ครับ

つづく



see you next the trip




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น