วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Myanmar ( Yangon The End )


 Myanmar Yangon The End )


ความเดิมตอนที่แล้ว  http://travelling-single.blogspot.com/2016/05/yangon.html






                   หลังจากถึงโรงแรมที่ได้จองไว้แล้ว ก็ทำการเช็คอินห้องพัก จากนั้นก็วางสัมภาระไว้ในห้อง อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย แล้วก็ลงมาสั่งข้าวกินในโรงแรมนั้นเลย ไม่อยากออกไปหาอะไรกินข้างนอก เนื่องจากร้อน และไม่รู้ว่าถ้าออกไปแล้ว จะได้กินอะไรกลับมาหรือป่าว อาหารที่สั่ง มันเขียนไว้ว่าเป็นปลาผัดซอสไทย ก็เลยสั่งมาลองกินดู รสชาติก็ไม่เลวครับ เหมือนผัดซอสเปรี้ยวหวานบ้านเรา ก็โอเคนะ ค่อนไปทางอร่อยเลยแหละ


มื้อแรกที่พม่า

               

                                 วันรุ่งขึ้น ก็ได้จัดแจงสัมภาระเพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไป และรถโดยสารสำคัญที่ผมจะนั่งนั้นก็หนีไม่พ้น รถไฟ อีกนั้นแหละ ทั้งประหยัด และสะดวก อีกอย่างไม่กล้านั่งรถเมล์ที่นั้น กลัว ภาษาก็ไม่รู้เรื่อง กระเป๋ารถเมล์ก็พอๆกับบ้านเรา ส่วนคนขับก็ไม่รู้จะรีบไปไหน  ถ้าขึ้นไปมีหวังไม่ได้กลับไทยแน่ๆ 555 


     

                          เงินจ๊าดพม่า                            ห้องพักของโรงแรม

                                                   
                             จากสถานี  Kyauk Ye Twin นั่งไปจนถึง ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ายืนไปจนถึงสถานี Yangon Station ลงที่สถานีนี้ แล้วเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงโบสถ์(ตามรูปด้านล่าง ) ก็เลยแวะเช็คอิน(ขี้) ที่นี้ซะเลย 555  พอถ่ายรง ถ่ายรูปเสร็จ กำลังจะเดินทางต่อ อยู่ๆนิโกรก็เข้ามาทัก

นิโกร : เฮ้ คนญี่ปุ่นหรอ?
กุ       : ส่ายหัว พร้อมตอบ คนไทย
นิโกร : @$#%^*%&
กุ       : กุเริ่มฟังมึงไม่รู้เรื่องแล้วแหละ อิบ้า  เลยยิ้มสยามให้มันไปทีนึง จะได้รู้ว่ากุเป็นคนไทย
  





โบสถ์ในย่างกุ้ง
                    

                                   เดินเล่นสักพักก็รู้สึกเริ่มร้อนแล้วครับ เลยแวะร้านค้าซื้อร่มพกไว้สักหน่อย เพราะต้องเดินทางอีกไกล กว่าจะถึงเจดีย์ชเวดากอง อากาศที่นี้ร้อนมากๆครับ อุณหภูมิประมาณ 40 องศา ถ้าไม่พกร่มมีหวังเป็นลมแดดพม่าตายแน่ๆ ส่วนมากคนที่นี่ก็จะพกร่มไว้เหมือนกัน


เที่ยวพม่าต้องพกร่มนะครับ 




อันนี้เป็นบ๊วยพม่าที่ชอบมากครับ เปรี้ยวมากกก   หาซื้อได้ตามข้างทาง ถูกมากประมาณ 2-5 บาท



                                   เริ่มรู้สึกเหนื่อยๆก็เลยหาซื้อน้ำกับบ๊วยตามข้างทางมากิน แต่ที่นี่แปลกอย่างนึง เขาจะเตรียมน้ำใส่หม้อโบราณๆไว้ตามข้างทาง ไว้ให้ผู้คนที่นั้นได้ดื่มกัน ถ้าเป็นบ้านเราก็จะประมาณก๊อกน้ำดื่มตามข้างทางอะไรประมาณนั้นอะ และระหว่างที่เราเดินเล่นชมเมืองย่างกุ้งอยู่นั่น เราก็ได้เห็นสถาปัตยกรรมอังกฤษ ทั้งสองข้างทาง ซึ่งมีความงดงามและใหญ่โตจริงๆครับ

















สถาปัตยกรรมอังกฤษต่างๆที่ย่างกุ้ง 






อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร อยู่ในสวนสาธารณะ แต่คล้ายๆอนุสาวรีย์บ้านเราเลย 






                   

                                    เจดีย์  Sule Pagoda เป็นอีกหนึ่งที่ ที่ได้เข้าไปสักการะ ค่าเข้าสนนราคาที่ 3 $ เขาจะเก็บเป็นเงินดอลล่าครับ(เด็กเก็บเงินทักว่ากุ เป็นคนญี่ปุ่นอีแล้ว) พอจ่ายเงินเสร็จเขาก็จะให้สติ๊กเกอร์กลมๆมาติดไว้ที่แขนเสื้อ เพื่อเป็นการบอกในๆว่า พม่าคนนี้ได้จ่ายเงินค่าเข้าแล้ว อย่าไปฟาดหน้ามันละ(คือ กุเป็นพม่าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?) ตอนเข้านี่ตื่นเต้นมาก กลัวจะทำผิดมารยาทในการเข้าวัด เลยแอบๆดูชาวบ้านชาวช่องก่อน ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง  พอพร้อมก็ลุยสิครับ รออะไร ถอดรองเท้าเสร็จกำลังจะเดินขึ้นไป เฮ้ๆๆ!!! สะดุ้ง ฮึกเลยกุ  อีเหี้ยกุทำอะไรผิด ตกใจหมดเลย แล้วเขาก็ชี้มาที่ถุงเท้ากุ อ้าว? ต้องถอดด้วยหรอ กุไม่รู้นิหว่า แล้วก็ไม่บอก...



Sule Pagoda






                        พอเดินชมเจดีย์  Sule Pagoda เสร็จ ก็เดินทางต่อ สู่สถานที่สุดท้าย ตามแผนที่มาเรื่อยๆ ด้วยความเหนื่อยบวกกับอากาศที่ร้อนเหี้ยๆ ก็เลยแวะทานกินสักหน่อย เล็งร้านที่มีแอร์ เพราะกะว่ากินเสร็จก็จะนั่งเล่น สักครึ่งชั่วโมง ไม่ไหวอะทั้งร้อนทั้งเหงื่อย ร้านที่กินมีเมนูมากมาย อาหารคุ้นตาก็เยอะ เลยสั่งข้าวหมูทอดมากิน นั่งกินสักพักใกล้จะหมดแล้วแหละ อีหอยยย ไฟเสือกมาดับอีก ตายๆๆๆๆซวยจริงๆเลยกุ เลยจำใจรีบๆกินแล้วเดินทางต่อ เดินไปสักพักใหญ่ๆ ก็จะเจอกับ    " เจดีย์ ชเวดากอง "  เย้ๆ ๆ ๆ ใกล้จะถึงแล้ว  เราจะเห็นเจดีย์ มาแต่ไกลเลยครับ คิดดูว่าของจริงจะอลังการงานสร้างขนาดไหน สมรักษ์ บ่ได้โม้เด้อ ลองไปเที่ยวสักครั้งแล้วคุณจะหลงรักพม่าเหมือนผม...












                


              


                        เมื่อมาถึงเจดีย์แห่งนี้แล้ว เราจะต้องฝากรองเท้าไว้กับเจ้าหน้าที่ ตรงหน้าทางเข้าวัดก่อน(เสียค่าฝากด้วยนะ แล้วแต่เราจะให้)(โดนทักอีกแล้ว ญี่ปุ่นตามเคย) ส่วนค่าเข้าชมเจดีย์วเชดากอง ถ้าจำไม่ผิด ก็ประมาณ 8,000 จ๊าด(มั้ง) จ่ายเงินเสร็จก็จะได้สติ๊กเกอร์มาแปะที่แขนเสื้อเหมือนเดิม ขอบอกว่ากระเบื้องที่เจดีย์นี้ ร้อนส้นตีน เหี้ยๆ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่ามันร้อน สังเกตเห็นคน เขาเดินๆวิ่งๆ คิดในใจ เป็นห่าอะไรกัน เดินกันดีๆไม่เป็นไง พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ เหี้ย!! วิ่งแทบไม่ทัน มันร้อนจริงๆครับ ก็เล่นโดนแดดทั้งวัน ไม่ร้อนให้มันรู้ไปสิ เจดีย์ที่นี้ใหญ่จริง สวยด้วย เดินรอบๆสักพักก็เข้าไปนั่งไหว้พระพุทธรูป ตามศาลาต่างๆ พอนั่งเล่นได้สักพัก ก็มีครอบครัวพม่าเข้ามานั่งใกล้ๆ ด้วยความที่เป็นคนมีมารยาท เลยขยับทางให้นิดหน่อย แล้วตามมาด้วยเสียงคุยกัน งุ้งๆงิ้งๆ (คุยเสียงเหมือนยุงเลยเนาะ ) ซึ่งกุฟังไม่รู้เรื่องแน่นอน เลยไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็มีเด็กผู้ชาย 7-8 ขวบ พูด !@$^$@%& ตอนแรกนึกว่าพูดกับพ่อเขา คราวนี้เอาอีก ซารังเฮโย   กุก็ เอ๊ะ!! มันซารังใครวะ เลยเงยหน้ามองมัน อ้าว!!! มันพูดกับกุนิหว่า เลยยิ้มสยามให้มันไปทีนึง พ่อกับมันเลยหัวเราะชอบใจกันใหญ่ คงคิดว่ากุเป็นเกาหลีละสิ แต่เสียใจด้วยนะไอ้น้อง I'm Thai 555


สาวพม่า


























                                หลังจากที่ได้เดินชมตัวเมือง และวัดของย่างกุ้งมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับสนามบินซะแล้ว ด้วยความที่ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยทั้งล้า เลยโบกพี่แท็กซี่พม่ากลับสนามบินดีกว่า สอบถามราคาเหมา (ที่นี่จะไม่มีมิตเตอร์) จากเจดีย์ชเว ไปสนามบิน ประมาณ 8,000-9,000 จ๊าด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าราคานี้มันถูกหรือแพง เลยต่อให้เหลือ 5,000 โชเฟอร์บอกไม่เอา กุก็ไม่ไป เลยโบกคันใหม่ มันก็ให้ประมาณเท่าเดิม เลยต่ออีก คราวนี้ให้ 6,000 โอเค พอตกลงราคากันแล้ว ก็ขึ้นรถ นั่งไปเรื่อยๆ ซึ่งระยะทางก็ไกลพอสมควร ระหว่างทาง ก็ได้ถามเขานะว่ารับเงินดอลล่าไหม? โชเฟอร์ก็พยักหน้าตกลง ก็เลยเตรียมเงินดอลล่าให้โชเฟอร์ พอถึงสนามบิน  ก็เลยยื่นให้โชเฟอร์ไป 5 $

โชเฟอร์  : 6 ดอลล่า
กุ            : อ้าว ยู ว่า 6,000 จ๊าด
โชเฟอร์  : ไอ บอก 8,000 จ๊าด แล้วก็ไม่รู้จะแลกเงินดอลที่ไหน
กุ            : ขึ้นเลยกุ ยูบอก 6,000  เลยเปลี่ยนจากดอล ให้เป็นจ๊าดมันไป 
โชเฟอร์  : 8,000
กุ            : กุเลยยื่นให้ไปหกเหมือนเดิม ไม่เอาก็เรื่องของมึงดิ (คิดในใจนะไม่กล้าพูดกลัวมัน                      ฆ่า)         มันก็เลยไล่กุลงจากรถ
โชเฟอร์  : โก โก โก 

                     อารมณ์เสียเลยกุ เกือบโดนโกงแล้ว ดีที่กุพูดไม่รู้เรื่อง เลยลงมาแบบงงๆ คิดในใจ นี่กุพูดไม่รู้เรื่อง หรือมึงฟังไม่เข้าใจว่ะ หลายคนคงคิดนะ ว่าผมคงจะเก่งอังกฤษ เลยไปเที่ยวคนเดียวได้ ผิดครับ ผมได้แค่งูๆปลาๆ ที่กล้าเที่ยวคนเดียวนี่ เป็นเพราะความชอบ อีกอย่างถ้าคุณมัวแต่รอไปเที่ยวกับ เพื่อน หรือครอบครัว คุณคงไม่ได้ไปหรอก มันมีหลายปัจจัยทั้งเงินทั้งเวลา แต่ถ้าคุณพร้อม ลุยเลยคับเชื่อผม สนุกดีนะเที่ยวคนเดียว ท้าทายดีออก...


                    

                           คนขับ                                             คนโดยสาร

                          พอถึงสนามบินย่างกุ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อย เพราะต้องค้างที่สนามบินนี้อีกคืน ประหยัดค่าโรงแรมไปในตัว 555 พอเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ทำการเช็คอินขึ้นเครื่อง พร้อมเดินทางกลับมาทำงานต่อในตอนบ่าย  โหดไหมละเที่ยวเสร็จก็ต้องกลับมาทำงานเก็บตังต่อ (เดี๋ยวทริปหน้าไม่มีเงินเที่ยว) เป็นอย่างไงกันบ้างครับ สำหรับทริปพม่าในครั้งนี้ เอาไว้คราวหน้าเจอกัน ที่ทริปฮานอยครับ จะมีความวุ่นวายบวกกับความสนุกเหมือนทริปนี้ไหมหน่า? ฝากติดตามกันด้วยนะครับ 

                                  สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้
                                     
                          ค่าเครื่องบิน+โรงแรม     2,000 ฿
                          ค่ากิน                                410 ฿
                          ค่ารถ                                 310 ฿
                          ค่าน้ำดื่ม                            280 ฿
                          ค่าเข้าชม                          300 ฿
                          ค่าช็อป                             400 ฿
                          
                                               ยอดรวม  3,700 ฿           
                                              ( ค่าทุกอย่างปัดเป็นจำนวนเต็ม )




ต้องลองเที่ยวคนเดียวดู...แล้วคุณจะติดใจ


มีอะไรสงสัย หรืออยากจะถาม คอมเม้นท์มาได้เลยนะคับ จะตอบกลับให้ครับ

つづく



see you next the trip


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น